วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โรคเหงือกอักเสบ โรค ปริทันต์ คืออะไร ?


โรคปริทันต์ เริ่มต้นจากโรคเหงือกอักเสบซึ่งเกิดจากการสะสมของคราบแบคทีเรียเป็นเวลานานๆ จนเกิดอาการอักเสบที่เหงือก และสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่นรอบบริเวณฟัน เช่น กระดูกเบ้าฟัน เป็นต้น โรคปริทันต์อาจเกิดขึ้นกับฟันเพียงซี่เดียวหรือส่งผลต่อฟันหลายๆซี่ในเวลาเดียวกันได้

โรคปริทันต์เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
โรคปริทันต์เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียในคราบฟัน หรือ คราบแบคทีเรีย (แผ่นคราบเหนียวๆไร้สีที่คอยก่อตัวอยู่บนฟัน) ซึ่งหากปล่อยปละละเลยและไม่ได้รับการทำความสะอาดฟันอย่างเป็นกิจวัตรด้วยการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี คราบเหล่านี้จะก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นคราบแข็งที่เรียกว่าคราบหินปูน ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เหงือกอักเสบเท่านั้น อาจจะลุกลามไปถึงกระดูกเบ้าฟันได้ ทำให้กระดูกเบ้าฟันละลาย ร่องเหงือกลึกลงไปเรื่อยๆจนสูญเสียฟันในที่สุด
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบ ?
โรคเหงือกอักเสบเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย แต่จะพบมากสุดในวัยผู้ใหญ่ สิ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงมากเพิ่มขึ้น คือ
- การสูบบุหรี่
- โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน
- ฟันที่เก ไม่เป็นระเบีบย
- การเสื่อมสภาพหรือชำรุดของวัสดุอุดฟัน
- การตั้งครรภ์หรือการใช้ยาคุมกำเนิด (ชนิดที่ใช้รับประทาน)

อาการของโรคปริทันต์มีอะไรบ้าง ?
โรคนี้จะไม่เห็นอาการชัดเจนในระยะแรก การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้การตรวจพบโรคและทำการรักษาให้หายได้ง่ายตั้งแต่เนิ่นๆ
อาการที่บอกว่าเป็นโรคปริทันต์
- เหงือกบวมแดง
- มีเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟัน
- มีภาวะเหงือกร่น
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- อาจมีหนองออกตามร่องเหงือก
- มีช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น เศษอาหารติดซอกฟันง่ายขึ้น
- ฟันโยก และถ้าไม่ได้เข้ารับการรักษาโดยทันตแพทย์ ฟันก็จะหลุดไปในที่สุด

ระดับความรุนแรงของโรคปริทันต์เป็นอย่างไร ?
เริ่มตั้งแต่โรคเหงือกอักเสบซึ่งเป็นอาการในระยะเริ่มแรกและหากปล่อยไว้ หรือละเลยการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมจะเพิ่มความรุนแรงของโรค จนกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบในที่สุด

จะรักษาโรคปริทันต์ได้อย่างไร ?
ควรจะเข้ารับการดูแลรักษาโดยทันตแพทย์ตั้งแต่เป็นโรคเหงือกอักเสบระยะเริ่มต้นเพราะสามารถป้องกันไม่ให้โรคลุกลามจนเป็นปัญหาใหญ่
- เข้ารับการขูดหินปูนเป็นประจำทุก6เดือน
- แปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี
- การเกลารากฟัน เป็นวิธีรักษาเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้น คือการทำให้ผิวฟันเรียบ ทำให้คราบแบคทีเรียเกาะติดกับผิวฟันได้ยากขึ้น

จะป้องกันการเกิดโรคปริทันต์ได้อย่างไร ?
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันเป็นประจำทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- เข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ อย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง






คลินิกทำฟัน ให้บริการโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง

ให้บริการทำฟันทั่วไป รักษารากฟัน ฟันปลอม ครอบฟัน รักษาฟันเด็ก จัดฟัน ฟอกสีฟันขาวด้วยระบบคูลไลท์ ในราคาไม่แพง